วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

เกาะติดสถานการณ์ชายแดน จ.สุรินทร์-บุรีรัมย์ 28-30 เม.ย.2554..+*




.
.
.
ความเสียหายหมู่บ้านชายแดน สุรินทร์ บุรีรัมย์  27-4-54
หลังกัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่ BM21 เข้ามายังหมู่บ้านชายแดนไทย
(มี 3 คลิปย่อยอยู่ภายใน)

.
.
.



.
http://www.youtube.com/user/THAIFMTV#grid/user/D6C93618D6A2F085
.
เกาะติดฯทุกข์ของคนชายแดนและกำลังใจจากแนวหลัง 28-4-2554
มี 3 คลิปย่อยอยู่ภายใน


.
.
.
.
.
โดย พันธมิตรอีสาน และทีมงาน คุณวีรพล โสภา ที่ได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือทหารและพี่น้องที่ดูแลชายแดน โดยมีผู้โอนเงินเข้าบัญชี และรับสิ่งของบริจาค จึงได้รวบรวบ นำขึ้นรถปิ๊กอัพนำไปแจกทหารหลายจุดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ จุดปะทะหลายจุด ของ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รายละเอียดได้แจ้งไว้ที่บล๊อคชบา http://mblog.manager.co.th/chaba2550/--25-28-2554/
( เกาะติดสถานการณ์ชายแดน จ.สุรินทร์-บุรีรัมย์ 25-28 เม.ย.2554..+* )
... พร้อมได้ใส่ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้องไว้ ไปติดตาม และนำไปเผยแพร่ได้เลยค่ะ...
 
.

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

วีระ สมความคิด ปราบทุจริต... คืองานผม ♦

จากนิตยสาร "ดอกหญ้า" ปีที่ ๒๔
อันดับที่ ๑๓๕ ก.ย.-ธ.ค.๒๕๕๑

เจ้าของ : สมาคมผู้ปฏิบัติธรรม ๖๓/๓๐ ถ.นวมินทร์, คลองกุ่ม, บึงกุ่ม, กทม. ๑๐๒๔๐
โทร. ๐-๒๓๗๔-๕๖๓๑ ..  http://www.asoke.info/ 
----------------------------------------

คอลัมภ์ คนดีที่น่ารู้จัก โดย พุทรากวน

หน้า..๒๔

" เนื่องจากนักการเมืองเมื่อเข้าสู่อำนาจ
แล้วก็มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ด้วยวิธีการไม่ชอบ โดยไม่มีความละอาย
เพื่อเตรียมไว้ใช้กับการเลือกตั้งครั้งต่อไป อันเป็นวงจรเลวร้ายไม่มีที่สิ้นสุด
รัฐธรรมนูญจึงบัญญัติเพื่อป้องกันไว้อย่างเข้มงวด "




ศาลรัฐธรรมนูญ

----------------------------------------

หน้า ๒๕



วีระ สมความคิด
ปราบทุจริต... คืองานผม

หน้า ๒๖


     บ่าย ๒ โมงกว่า ๆ ของ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ ณ ทำเนียบรัฐบาล เสียงโห่ร้องด้วยความปีติยินดีดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณอย่างยาวนาน หลังจากคำอ่านแถลงการณ์ตัดสินจำคุก ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา ๒ ปี ในวันนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า คุณวีระ สมความคิด คือผู้ผลักดัน ดำเนินกระบวนการทั้งหมด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจับนักการเมืองขี้โกงเข้าคุก แล้วเขาก็ทำสำเร็จ


     คุณวีระมาจากครอบครัวธรรมดา คุณพ่อคุณแม่เป็นลูกกำพร้า ตากับยายแยกทางกัน คุณพ่อกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ เป็นคนเพชรบุรี ขวนขวายสู้ชีวิตเองกับน้องชาย (อาของคุณวีระ) ซึ่งเสียสละตัดผมส่งพี่ชายเรียน แล้วตัวเองมาเรียนกวดวิชาตอนหลังจนจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แล้วก็ไปทำงานกรมบังคับคดี เป็นข้าราชการ


     - พ่อสอนผมไม่เหมือนคนอื่น คือพ่อผมสอนไม่ให้กลัวผีหรือกลัวตำรวจ กลัวอะไรต่าง ๆ พ่อผมบอกว่าของพวกนี้ไม่ต้องไปกลัว ถ้าเราทำดี ทำถูกกฏหมาย เราไม่ต้องไปกลัว พ่อไม่เคยสอนว่าเตี๋ยวเกเร ตำรวจจะมาจับ จะสอนเป็นเหตุเป็นผล ผมจะคิดไม่เหมือนคนอื่น ผมมีวิธีคิดของผมเองตั้งแต่เด็ก


ในเชิงไหนคะ ? ที่ว่าไม่เหมือนคนอื่น

     - ในเรื่องของการมองชวิต คือคนอื่นเขาคิดว่าต้องเรียนให้เก่ง ต้องได้ที่ ๑ ผมว่าไม่จำเป็น แต่เราต้องเรียนจึงจะมีความรู้ แล้วผมก็ทุ่มเทให้การเรียนมากไป คือไม่บ้าเรียน แต่ผมตั้งใจเรียนในห้องเรียน แล้วผมอาจจะโชคดีหน่อยตรงที่มีความจำดี จะจำไปจนถึงวันสอบ ซึ่งไม่ต้องไปดูหนังสือก่อนสอบมาก นัก เป็นคนที่ตั้งใจเรียนแล้วก็จดจำเนื้อหาสาระสำคัญเอาไปสอบ ผมเป็นคนชอบคิด กล้าแสดงออกมาเป็นหนัวหน้ามาแต่เด็ก ได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะไปอยู่ตรงจุดไหน ด้วยบุคลิกและวิธีคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อนยอมรับให้เราอยู่แนวหน้าตลอด



คุณวีระ สมัยเป็นวัยรุ่น



แล้วความรู้สึกว่าอยากเรียนกฏหมาย เกิดขึ้นช่วงไหนคะ ?

     - ผมอยากจะทำงานต่อจากพ่อ คือรับกิจการจากพ่อ เลยเรียนทางด้านภาษา ด้านอักษรศาสตร์ ครุศาสตร์ ไม่คิดจะเรียนกฏหมาย แต่ก็สนใจความยุติธรรม ความถูกต้อง ไม่ได้เรียนเพราะตอนแรกคิดว่าเราจะมาสานต่อกิจการทัวร์ของบริษัท



แรก ๆ ที่คุณจบทนายมา คุณไม่ได้ว่าความเป็นการส่วนตัวเลย ?

     - ไม่เลย ผมไม่ได้ทำคดีอะไรเลย ที่ผมต้องหันเหมาเรียนกฏหมายตอนหลังก็เนื่องจากว่า หลังจากผมคิดว่าบ้านเมืองเรามันมีคอรัปชั่นเยอะ ผมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้พิพากษาก็มี เป็นอัยการก็มี อยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรีก็มี ครูก็มี คิดว่าเราน่าจะมาช่วยกันแก้ปัญหาคอรัปชั่นในประเทศเรา ดังนั้นจึงต้องมีความรู้ทางด้านกฏหมายด้วยตัวเอง



กี่ปีมาแล้วคะ ?

     - เมื่อปี ๒๕๓๘-๒๕๓๙ จริง ๆ แล้วเราก่อตัวมาตั้งแต่พฤษภา ๒๕๓๕ กลุ่มของเรามีกันอยู่สิบกว่าคน ตั้งกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ทุกคนผ่านเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๑๖ และ ๖ ตุลา ๑๙ มาเหมือนกัน เราก็มานั่งคิดว่าทำไมชั่วชีวิตเราผ่านเหตุการณเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสำคัญ ๆ สามเหตุการณ์แล้ว ปรากฏว่ามันก็กลับมาเหมือนเดิม กลับมาสู่วงเวียนเดิม มาพฤษภาก็เหมือนเดิมอีก ทั้งสามเหตุการณ์มีรากเหง้าสำคัญมาจากเรื่องทุจริต คอรัปชั่นใช่ไหม ผู้มีอำนาจช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเราก็เลยมานั่งคิดกันว่า เอ๊ะ เราจะทำยังไงดีนะ พอดีเราไปเห็นตัวอย่างจากหลายประเทศ คือผมเป็นคนนิสัยชอบค้นคว้า ถึงจะไม่ได้เรียนสูงถึงระดับปริญญาเอก แต่ผมขอบแสวงหาความรู้ต่าง ๆ ผมอ่านหนังสือพิมพ์เยอะ อ่านข่าวอ่านหนังสือเยอะ จะเอาเฉพาะสาระสำคัญ ก็เลยพอมีความรู้กว้างขวาง สนใจแล้วค้นคว้าจริง ๆ เห็นว่าปรเทศที่เขาสามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้สำเร็จ ไม่ว่าสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือเกาหลีใต้ เอาเฉพาะเอเชีย เขาเกิดจากภาคประชาชนที่เริ่มเกาะตัวกันขึ้นมา แล้วไปกดดันรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ ถ้าพวกเรามาเป็นแอ็คติวิช (Activist) ในภาคประชาชนซึ่งเราก็ไม่เรียกตัวเองว่าเอ็นจีโอ เพราะเราเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องให้ใครมาสนับสนุน ผมตั้งกลุ่มของผมโดยใช้บ้านเป็นสถานที่ก่อตั้ง ทุกวันนี้กลุ่มพิทักษ์ก็ยงใช้สถานที่นี้ ห้องนี้คือห้องทำงานของกลุ่มพิทักษ์ตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ ประชุมกันที่นี่ อย่างเกาหลีใต้นี่ตั้งแต่เขามีกลุ่มภาคประชาชนชื่อย่อว่า PSPD (People's Solidarily for Participatory Democracy)  ประธานชื่อป๊ากวานซุน เขาสามารถเอาประธานาธิบดีเขาเข้าคุกได้ ใช้เวลา ๒๐ ปี เราศึกษาแล้วเห็นพัฒนาการของเขา ต้องยอมรับว่าการศึกษาเราสู้เกาหลีไม่ได้ คิดว่าเราจะใช้เวลาหนึ่งเท่าของเขา ๔๐ ปี ก็มาคำนวณอายุของพวกเรา ตอนปี ๒๕๓๙ ผมอายุ ๓๙ อีก ๔๐ ปี ผมก็ ๗๙ เอาวะเจ็ดสิบเก้าเอานายกฯ ทุจริตเข้าคุกซักคนนึงก่อนตาย คิดอย่างนั้นนะ


     คิดอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเรากลุ่มเล็ก ๆ แล้วสภาพบ้านเมืองและคุณภาพของเราอย่างนี้ต้องประมาณ แต่ปรากฏว่า พอเราตั้งกลุ่มขึ้นมาจริง ๆ ใช้เวลา ๕ ปีเราก็เอารองนายกฯ และเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยที่ทรงอำนาจคือคุณสนั่น ขจรประสาท ออกจากการเมืองได้ในปี ๒๕๔๓ วันที่ ๑๐ สิงหา พวกเราก็ตกใจ บอก เฮ้ย! ทำไมเราทำได้เร็วขนาดนั้น คราวนี้เราก็ก้าวขึ้นมาว่า เอาหล่ะถ้าอย่างนั้นเราก็น่าจะไม่ต้องใช้เวลาถึง ๔๐ ปีแล้ว  มันน่าจะลดลงมาซักสามสิบกว่าปี เอานายกฯ ทุจริตเข้าคุกคือเป้าหมายต่อไป แต่ไม่เคยคิดว่า จะต้องเป็นคุณทักษิณนะ เพราะเราก็ตรวจสอบนายกฯ มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ ตั้งแต่คุณบรรหาร คุณชวน คุณชวลิต มาชวน ๒ แล้วก็มาคุณทักษิณ พอมาถึงคุณทักษิณก็ใช้เวลา ๑๒ ปีพอดี ที่ผมต้องเปิดใจบนเวทีว่าอยากให้คนไทยภูมิใจ ว่าที่จริงเราไม่ได้น้อยหน้าใคร ถ้าเราทำอะไรจริง ๆ ผมอยากให้คนไทยภาคภูมิใจ ดีกว่าไปภูมิใจว่าประเทศไทยโกงเก่งติดอันดับโลก ! ทำไมเราไม่มีชื่อเสียงว่าเราสามารถพัฒนากระบวนการตรวจสอบภาคประชาชน จนสามารถเอานายกฯ เข้าคุกได้ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ไม่ได้มีอำนาจอะไร ไม่มีกฏหมายรองรับ



จริง ๆ แล้วคนไทยคงไม่ได้ภูมิใจ แต่เขายอมรับไปโดยปริยายโดยที่ไม่มีเหตุผลว่า ทำไมต้องยอมรับ อาจเพราะขาดความรอบรู้ คุณถือการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมด้วยหรือเปล่า หรือว่ามุ่งเอาคนเลวเข้าคุกอย่างเดียว

     - พอดีผมมีพื้นฐานนะ หลังเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ ผมต้องเข้าป่าอยู่พักหนึ่ง เพราะผมเป็นแกนนำนักศึกษา เป็นเลขานุการของประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงด้านต่างประเทศ ตอนปี ๑๙ อยู่ปี ๑ หลังจากนั้นเข้าป่าหนีตาย ไม่ได้ศรัทธาลัทธิคอมมิวนิสต์อะไรหรอก เข้าป่าไปก็อยู่กับเขาไม่ได้เพราะผมไม่ชอบการฆ่า แต่ป่าทางใต้ที่ผมเข้าไปนี่มันเป็นจรยุทธ์ ต้องฝึกอาวุธ พอดีสภาพผมใส่แว่นตาหนานะ แล้วผอม แต่ร่างกายแข็งแรงนะ ผมโชคดีว่าอยู่กับเขาได้ไม่นานผมก็ต้องออกมา คือความอยากเป็นนักลัทธิ ผมขอเข้าไปเรียนลัทธิที่มอสโคหรือปักกิ่งเขาไม่ส่ง เขาไม่ให้ไป ต้องจับปืน ต้องทำสงคราม ผมไม่เอก็เลยต้องออกมา ออกมาผมก็ยังเรียนหนังสือไม่ได้เพราะยังไม่นิรโทษให้นักศึกษา ซึ่งเรามีแบล็กลิสท์อยู่ ผมก็อ่านแต่หนังสือ เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยอ่านหนังสือพระ มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนรุ่นพี่เอาหนังสือคู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาสมาให้อ่าน พออ่านไปแล้วรู้สึกว่า โอ้โฮ! หนังสือเล่มนี้มันเปลี่ยนแปลงชีวิตผม อ่านไม่รู้กี่จบ อ่านจนจำได้หมดทุกบททุกตอน แล้วเข้าใจเลยว่าคนเราเกิดมาทำไม เป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์คืออะไรผมเลยไปหาท่านพุทธทาส ไปศึกษาธรรมะกับท่าน แต่ผมบวชจริง ๆ ที่กรุงเทพฯ วัดมหาธาตุ คณะ ๕ แล้วก็เข้ากรรมฐานอยู่ ๑ พรรษา หลังจากนั้นผมก็เวียน ๆ ไป พอพรรษาแรกผ่านไปก็มารู้จักอโศก ที่จริงก็ปีเดียวกันนั่นแหละปี ๒๕๒๓ ปลาย ๆ ปีเลยไปหาพ่อท่านโพธิรักษ์ หลังจากนั้นผมก็ไปอยู่กับสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ตอนนั้นหลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เลยส่งให้อยู่กับลูกศิษย์ท่าน อาจารย์กัณหาซึ่งก็มีปฏิปทาเหมือนอโศก คือเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและฉันอาหารมังสวิรัติวันละครั้ง ท่านอาจารย์กัณหาที่วัดแพร่ธรรมาราม


     ผมโชคดีได้มีครูบาอาจารย์ที่ดีแล้วผมก็มีพื้นฐานปฏิบัติธรรมมา ผมปฏิบัติธรรมจนได้ฌาณนะ เพราะผมทำอะไรทำจริง แล้วตอนที่ผมบวชบอกแม่ขอบวชแค่พรรษาเดียวภาคฤดูร้อน แล้วผมจะสึกเพราะกำลังจะจบ แต่ผมก็ไม่สึกเพราะดื่มด่ำและผมไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ผมอยากรู้ว่ามรรคผลนิพพานเป็นยังไง ใคร ๆ ก็บอกคนนั้นเป็นพระอรหันต์เป็นพระอริยะ หลวงพ่อพุทธทาสเป็นพระอริยะ หลวงพ่อชาเป็นพระอริยะ อาจารย์กัณหาเป็นพระอริยะ พ่อท่านเป็นพระอริยะ ผมไม่อัศจรรย์ใจว่าใครเป็นอริยะ ผมเคยไปอยู่กับหลวงปู่แหวน อุปัฏฐากท่านจนวันที่ท่านมรณภาพ หลวงปู่ขาว อนาลโย ผมก็ไปอุปัฏฐากท่าน ผมมีโอกาสไปพบครูบาอาจารย์สายปฏิบัติเก่าง ๆ เยอะ หลวงปู่สิน พุทธาจาโร หลวงปู่แบน หลายองค์ที่เมื่อก่อนยังมีชีวิตอยู่ แต่ผมไปสัมผัสพระอริยะผมก็เฉย ๆ นะ อย่างบางคนนี่เขาไม่มีเหตุผล เขาถือว่าเป็นพระอริยะแล้วเขาก็มอบกายถวายชีวิตให้ แต่ผมก็เฉย ๆ นะ ผมก็ เออ.. ได้กราบท่านก็ดี แต่ทำไมเราไม่เป็นบ้างล่ะ คือคิดว่าเราเป็นพระอริยะแล้วมันจะเป็นอย่างไร คำสอนของพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้บอกว่าให้เราไปยกย่องคนอื่นที่เป็นพระอรหันต์พระอริยบุคคล ท่านสอนให้เราต้องเข้าถึงเอง ผมก็เลยทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรม





คำตอบนี้ได้มาระหว่างที่บวชใช่ไหมคะ ?

     - ผมคิดได้เอง บวชทั้งหมด ๕ พรรษาจากที่ตั้งใจว่าจะบวชแค่พรรษาเดียว

     - บวช ๓ เดือนในฤดูร้อน ที่จริงบวชภาคฤดูร้อนเดือนเดียว ก็ขอต่อมาจนเข้าพรรษา อายุ ๒๓ บอกกับแม่ว่าเดี๋ยวจะสึก ออกพรรษาก็ไม่สึกไปอยู่กับหลวงพ่อชา ไปอยู่กับท่านอาจารย์กัณหาบอกว่าไม่สึกแล้ว อยากเป็นพระอรหันต์ อยากบรรลุธรรม อยากรู้ว่าการบรรลุธรรมเป็นยังไง


แล้วอะไรทำให้สึกหลังจาก ๕ ปีนั้นแล้ว ?

     - คือมีปัญหาหลายอย่าง คุณพ่อป่วย แล้วก็ติดขัดทางด้านการปฏิบัติธรรม แก้ปัญหาไม่ได้คือผมเป็นพระนักศึกษาของวัดมหาธาตุองค์เดียวที่ไม่ยอมสึก ตอนนั้นท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรมท่านยังอยู่ ผมอยู่เป็นพระคณะ ๕ ท่านเจ้าคุณเทพสิทธิมุนีมรณภาพไปแล้วนะ เจ้าคณะในวงการยุบหนอพองหนอเขารู้จักกันดี ท่านอยากให้ผมไปอยู่ที่พม่า ไปเรียนที่สำนักมหาสีสยดอ (สีสะยะดอ) เพื่อมาเป็นอาจารย์กรรมฐานต่อ แต่ปรากฏว่าท่านอีกองค์หนึ่งอยากให้ผมไปอยู่อินเดียแย่งกันไปแย่งกันมา ยึดพาสปอร์ตผมเลย แล้วก็บังคับผมว่าถ้าไม่งั้นไม่ให้ผมไปไหนแล้ว ไม่ให้จาริกไปไหน ผมต้องกลับไปอยู่คณะ ๕ เพื่อไปสอนกรรมฐาน ผมถูกผูกและถูกอะไรหลายอย่างคุณพ่อก็ป่วยหนัก  แม่บอกว่ากิจการไม่มีใครดูแล ก็เลยตัดสินใจ พอสึกออกมาถึงรู้ว่า โอ๊! เราตัดสินใจพลาด


ถ้าไม่สึกเป็นไปได้ไหมว่าเราจะได้พระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงอีกรูปหนึ่ง ?

     - ผมเข้าถึงความสงบนะ ตอนที่ผมปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดนี่ จนวันนี้ยังจำได้เลยว่าสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี


คุณวีระรู้ดีว่า การทำงานครั้งนี้มันอันตรายรอบด้าน แล้วก็ประกาศว่าไม่กลัวตายแต่ก็ไม่ได้ท้าทายความตายโดยทั่ว ๆ ไป เขาจะกลัวตายกัน กลัวเพราะอะไร กลัวเพราะเรายังทำความดียังไม่มากพอ แสดงว่าคุณวีระมั่นใจมากเลยใช่ไหมว่า สิ่งที่คุณทำมาทุกวันนี้คุณแน่ใจว่าถูกตรงแล้ว ?

     - ใช่ครับ เมื่อก่อนจะบวชผมกลัวผี ก็เหมือนคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป กลัวในสิ่งที่คนอื่นเขาก็ยังกลัวกันอยู่ กลัวความตาย แต่พอปฏิบัติธรรม เข้าถึงความสงบแล้วนี่ ถึงขนาดตอนที่ผมดื่มด่ำกับความสงบแล้วธรรมะก้าวหน้ามาก ๆ ผมเข้าใจหมด เวลาผมมองต้นไม้ ผมเข้าใจอิทัปปัจจยตา ผมจะเห็นต้นไม้มีความเจริญเติบโต มองเห็นมันอย่างลึกซึ้ง ใบเขียว ใบแก่ จนใบร่วง ผมเห็นลมหายใจของผมเป็นสายออกมา ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก แล้วผมเข้าใจชีวิต ผมเห็นถึงเซลล์ต่าง ๆ ที่มันหลุดออกมาเป็นขี้ไคล เป็นอะไรที่เข้าใจ ก็เลยเกิดจิตละหน่าย แล้วมันก็ไม่มีอะไร ยังติดมาจนถึงทุกวันนี้ เข้าใจว่าทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่เราทำดีในสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำหรือยัง ซึ่งผมคิดว่าผมได้ทำแล้ว ถึงแม้จะยังไม่พ้นทุกข์อย่างเด็ดขาด คือผมยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ แต่ก็เข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมะ ซึ่งมันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เลยไม่ไปยึดติดอะไรมากเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ประกาศไปเพื่อท้ายทายอำนาจมืด แต่เป็นไปตามภาวะของเรา

     - ไม่ใช่... ผมเข้าใจ ถ้าใครจะฆ่าผมนี่ ผมไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ลุกขึ้นทำความดีแล้วต้องตาย เช่น มหาตมคานธี ใช่ไหม ประเทศไทยก็เยอะแยะไปที่เขาลุกขึ้นมาทำความดีแล้วต้องถูกฆ่าตาย อันนี้ก็ไม่มีใครสอนผม ผมเข้าใจของผมอย่างนี้ ไม่ต้องไปอ่านหนังสือที่ไหน มันเกิดมาจากการปฏิบัติของผม จากความเข้าใจที่ผมสั่งสมประสบการณ์ชีวิตมา ดังนั้นถ้าจะเกิดขึ้นกับผม ไปกลัวทำไม! เพราะผมไม่ได้ทำผิดกฏหมาย ปปช.หรือรัฐบาลเขาออกสปอตโฆษณาทุกวัน ๆ ว่าพบเห็นทุจริตคอรัปชั่นที่ไหนให้แจ้งใช่ไหมครับ ยูเอ็นประกาศไว้วันที่ ๙ ธันวาคม ให้เป็นวันต่อต้านคอรัปชั่นสากล แล้วผมทำผิดตรงไหน ถ้าถามย้อนกลับไปว่า ลุกขึ้นมาทำอย่างนี้ให้สังคมโดยส่วนรวมมันผิดกฏหมายข้อไหน



เหตุการณ์วันที่ ๗ ตุลาคม ทราว่าคุณวีระโดนยิงตกรถ ตอนนั้นคุณวีระคิดไหมว่าถึงคราวตัวเองแล้ว

     - ผมไม่มีความกลัว... ไม่เลย พอผมไปถึงมีพันธมิตรอยู่ตรงนั้นไม่เท่าไหร่ รู้สึกหลายคนวิตกกังวลว่าเราจะยันตำรวจไม่ได้ ผมต้องอยู่กับเขา หลายคนก็บอกว่าอาจารย์ ๆ เสี่ยง กลับไปเถอะ ชีวิตอาจารย์ยังมีประโยชน์ ผมทิ้งเขาไม่ได้นะ เพราะดูแล้วถ้าผมทิ้งออกไปก็หมายความว่า ผมปล่อยให้คนเหล่านี้ซึ่งในอีกไม่กี่นาทีเขาอาจจะแขนขาด ขาขาด อาจจะตาย แต่ถ้าผมยืนอยู่เป็นกำลังใจให้เขา เขาก็จะได้มีกำลังใจนะครับ ผมก็ไม่รู้สึกอะไร อย่างที่บอกถึงคราวตายมันก็ตาย ไม่เห็นเป็นไรเลย


เห็นว่ามีการตะโกนถามกันว่านั่นใช่วีระตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่า ?

     - ตอนหลังถึงได้รู้... ตำรวจสั่งการกันว่าตัวจริงแน่ นี่ตำรวจเล่าให้ฟังทีหลัง บอกฆ่ามันเลย... มันหลงเข้ามาอยู่ในวงล้อมแล้ว ฆ่าเลย เขาก็เลยยิง แต่ผมก็รอดมานะครับ แต่ทำให้การ์ดที่ดูแลผมรอบ ๆ เจ็บหมดทุกคน


การดำเนินการเรื่องคดีทั้งหมดทำที่นี่หรือที่สำนักงาน ?

     - เมื่อก่อนทำที่นี่ แต่เดี๋ยวนี้ไปทำรวมกับกลุ่มเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น


มีคนช่วยเยอะไหมคะ ?

     - เรื่องคดีทั้งหมดผมคนเดียว เพราะว่าเรื่องนี้เป็นความลับ คนอื่นจะช่วยในด้านอื่น ๆ


ตอนที่คุณไปขึ้นศาลครั้งสุดท้าย คุณบอกว่าอัยการทำงานไม่ได้ดีเท่าที่ควร ตัวคุณเองเป็นคนที่เตรียมเอกสารหลักฐานอะไรทั้งหมด ?

     - เอกสารหลักฐานก็อยู่ในคำพิพากษาของศาลที่อ่าน เป็นหลักฐานของผมตั้งแต่ต้น อัยการแทบไม่ได้ทำอะไรเลย คือเอคดีเข้าสู่ศาลแค่นั้น ตามนั้นเอง ขนาดที่จะถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันปิดคดี อัยการได้แต่ส่งหนังสือมานัด ให้ผมไปศาลแต่อัยการไม่เคยนัดไปซ้อมความกันเลย ผมกลับเป็นคนโทรไปตามกับอธิบดีอัยการนะ คุณเสกสรร บางสมบุญ บอกคุณเสกสรร จะถึงวันที่ ๘ แล้วนะจะเอายังไง แกก็เลย เออ ๆ คุณวีระมาก็ได้


เขาไม่เต็มใจหรือไงคะ ?

    - คือไม่สนใจอะไรเลย เขากะว่าเดี๋ยวเราไปคุยกันก่อนที่จะให้การเป็นพยาน คุยกันที่ห้องพยานโจทก์ คุยกันนิดหน่อย ผมบอกไม่ได้คดีสำคัญนี้คุณต้องคุยกับผม ต้องเตรียมคดี เขาก็เลยต้องตั้งทีม แล้วให้ผมไปคุยที่สำนักงานอัยการสูงสุด อันนี้ผมก็ไม่ได้เปิดเผยให้สังคมรู้ คือตั้งแต่ต้นนี่นะผมต้องขวนขวายหาหลักฐานเอง จี้ตำรวจ ตำรวจไม่ยอมทำ พอมี คตส.ขึ้นมา ผมก็เอาไปมอบและก็ชี้ประเด็นให้ คตส. จนสามารถทำได้ พิมาถึงอัยการก็ด้วยความที่เราหาทุกสิ่งทุกอย่างไปป้อนให้นะครับ รวมทั้ง คตส. ก็ทำงานได้ดีด้วย อัยการจึงไม่สามารถจะไปหักล้างได้ เลยต้องยื่นไง เพราะเป็นคดีเดียวที่สมบูรณ์ที่สุด แต่อัยการทำงานไปอย่างงั้นน่ะ ดูจากเวลาเขาว่าความในศาลจะเห็นชัดเขาไม่ถามอะไร ไม่หักล้างแล้วที่สำคัญอย่างงันนั้นผมต้องขอศาลแถลงด้วยวาจาขอให้ศาลถอนประกันักษิณ ซึ่งเรื่องนี้มันต้องเป็นหน้าที่อัยการ ผมไมสิทธิ์ แต่ผมถามอัยการก่อนที่จะออกไปให้การ ว่านี่ท่านเสกสรรเห็นไหม ทนายทักษิณติดคุกเพราะเอาเงินสองล้านไปวิ่งเต้นคดีมันต้องเกี่ยวกับทักษิณแน่  พอคดีปิดขอให้ท่าแถลงศาลเลยขอศาลถอนประกันทักษิณ อัยการบอกว่าแล้วแต่คุณวีระก็แล้วกัน เออ.. ผมเพิ่งได้ยินนี่ว่า เฮ้ย คุณยอมให้ผมใช่ไหมตกลงคุณไม่ทำ นี่หน้าที่คุณนะ แต่เวลาถ้าผมขอศาลคุณห้ามค้านผมนะ แต่เขาก็ดี บอกเอางั้นตามใจ คุณก็ลุ้นศาลเอาเองดูสิ ศาลถามมีอะไรจะพูดเพิ่มไหม ผมจึงขอแถลงด้วยวาจาเพราะไม่ได้เตรียมหนังสือ ขอให้ศาลถอนประกันคุณทักษิณเพราะคุณทักษิณ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคดี หลักฐานก็คือทนายสามคนซึ่งเป็นทนายของคดีนี้ถูกศาลสั่งจำคุกหกเดือนแล้ว เพราะเอาเงินไปวิ่งเต้นศาล เห็นไหม ผมก็ต้องทำเองทุกอย่างแล้วก็เอกสารสำคัญ ๕ ชิ้นที่ผมยืนเข้าไปวันเปิดคดีวันที่ ๘ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑ ก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทักษิณทำยังไงก็ไม่หลุด


ที่จริงเขาให้ความเป็นธรรมคุณทักษิณมากเลยนะคะ

     - หลายคนบอกว่าผู้พิพากษาบางคนน่าจะมีความไม่ชอบมาพากล เราไม่มีหลักฐาน เราไม่พูด เอาเป็นว่าในประเด็นข้อกฏหมายในความเห็นของผมก็คือว่าไม่ต้องไปเอาเรื่อง ๕:๔ หรอก เอาแค่ว่าข้อเท็จจริงที่ผมให้ศาลนี่ หลายเรื่องไม่ปรากฏในคำพิพากษา อย่างเช่นตัวคุณทักษิณเป็นหัวหน้า ครม.แล้วตัวเองมีมติให้วันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันราชการ ซึ่งมีอยู่ปีเดียวศาลไม่พูดเลยนะ แล้วก็ในรอบ ๑๒ ปีย้อนหลังไป ที่ดินตรงนั้นราคาไม่เคยลดลงเลย มาลดก่อนที่จะมีการซื้อขายที่ดิน กรมโยธาธิการของ กทม. กลับไปห้ามสร้างอาคารสูงเกิน ๕ ชั้น แต่พอซื้อขายเสร็จยกเลิกระเยบนี้เลย เห็นไหมสามแล้ว สี่เปลี่ยนแปลงเงินมัดจำล่วงหน้าแค่วันเดียว จากสิบล้านเป็นร้อยล้าน อย่างนี้มันกีดกันผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่นอย่างไม่เป็นธรรม ข้อเท็จจริงนี้ไม่ปรากฏในคำพิพากษา แล้วที่สำคัญคือขัดกันเองตรงไหน ความผิดมาตร ๑๐๐ ทักษิณเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ แต่พอจะเอาผิดาตรา ๑๕๒ หรือมาตรา ๑๕๗ ซึ่งโทษหนักกว่า เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษา ๑๕๒ ดูแลรักษาทรัพย์ แล้วก็ทำให้ทรัพย์นั้นเสียหาย ๑๕๗ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิสูจน์ว่าเป็นเจ้าพนักงานไหม ศาลก็บอกเอง ทักษิณเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ศาลกลับบอกว่าไม่เข้า เพราะการกระทำของนายกฯ เอาเฉพาะมาตราที่การกระทำนะ ที่ว่าให้บัตรประจำตัวนายกรัฐมนตรี ให้ภรรยาไปโอนที่ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าพนักงาน แต่ข้อเท็จจริงที่ผมกล่าวอ้างมาทั้งหมด ไม่มีในคำพิพากษา ถ้าเอาตรงนี้มาพูดมันหมายถึงยังไงรู้ไหมครับ พจมานติดคุกด้วย เพราะทักษิณผิด ๑๕๗ พจมานก็ต้องผิดในฐานะผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด ตรงนี้เหมือนมีชงให้เอาผิดเฉพาะทักษิณ ถ้าจะเอาพจมานก็ได้ แต่ก็ต้องเพิ่มโทษทักษิณ แต่ที่นี้ถ้าเราพูดอย่างนี้นะก็หาว่าผมนี่ได้คืบจะเอาศาอก เราก็ลูกผู้ชาย ก็ไม่เป็นไร !


แต่โดยส่วนตัวในฐานะนักกฏหมายรู้ใช่ไหม ?

     - รู้.. รู้เลยครับ ผมทำคดีเอง แต่ถ้าพูดไปเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เคารพคำพิพากษาอีก ไปถามนักกฎหมายดูก็แล้วกัน เขาคิดเหมือนผมไหม ? (หัวเราะร่าเริง) คือเขาให้ยกฟ้องคุณพจมาน แล้วก็ไม่ต้องริบทรัพย์ไง ไม่ต้องริบที่ดิน เพราะถ้าผิด ๑๕๒, ๑๕๗ มันต้องริบเงินและที่ดิน แล้วพจมานก็ติดคุกด้วย เรื่องยึดที่ดินเราสามารถฟ้องได้อีกใช่ไหม

     - มันเป็นโมฆะอยู่แล้ว เพราะการะกระทำความผิดมาตรา ๑๐ กฏหมายบอกว่าให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผิดคนเดียว ก็คือทักษิณผิด มันเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฏหมาย ในเมื่อขัดต่อกฏหมาย นิติกรรมนั้นก็โมฆะโดอัตโนมัติเลย ไม่ต้องไปฟ้องอะไรอีก กลับสู่สภาเดิมแล้วตอนนี้


แต่ที่ดินกับเงิน

     - ศาลไม่ริบไง แต่ตอนนี้มันก็คือโมฆะอยู่แล้ว


ก็ต้องคืนเงินเขาไป

     - ไม่ใช่ ผมไปทำไม้ได้แล้วเพราะเป็นคดีแพ่ง กองทุนฟื้นฟูก็ยื่นต่อศาลแพ่งให้ประกาศว่าการกระทำนี้เป็นโมฆะ แต่จริง ๆ ไม่ต้องไปฟ้องศาลเพราะมันเป็นโมฆะโดยอัตโนมัติเอาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสภาพบังคับมันอาจจะให้ศาลยืนยัน แล้วก็ที่ดินทั้งหมดนี่ก็กลับมาสู่กองทุนฟื้นฟู กองทุนฟื้นฟูก็คืนเงินเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสองล้านนะ ไม่ต้องมีดอกเบี้ยด้วย เพราะถือว่าเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น จ่ายมาเท่าไรกับค่าธรรมเนียมก็คืนเขาไป แล้วเอาที่ดินนั้นมาประมูลใหม่


แล้วถ้ากองทุนฟื้นฟูไม่ทำล่ะ ?

     - ก็เป็นอย่างนี้สำหรับสังคมไทย ราชการเสียหายจากการโกงแต่รัฐไม่ยอมใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหาย






แล้วการประท้วงครั้งนี้คุณวีระมาเกี่ยวพันได้ยังไง ?

     - ผมเป็นคนแรกที่ทำคดีที่เกี่ยวพันถึงตัวคุณทักษิณตั้งแต่ฟ้องคดีแรกนะครับ คดีที่คุณทักษิณไปช่วยคุณนิพัทธ พุกนะสูตร และก็คุณวีระพล ดวงสูงเนิน อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กลับเข้ารับราชการทั้งสองคนนี่ทุจริต ปปช.ชี้มูลแล้วว่าทุจริต คุณทักษิณก็ไปกลับมติของ อกพ. เอาทั้งสองคนนี้กลับมารับราชการ ผมก็ยืนให้ ป.ป.ช.ไต่สวนคุณทักษิณ ซึ่งคดีนี้ที่ทำให้คนบางคนโกรธผมจนทุกวันนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ตอนนั้นทุกคนด่าผมหมด บอกว่าผมไปทำลายคนดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา


ปีไหนคะ ?

     - น่าจะเป็นปี ๒๒๕๔๖ ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจผมเลย มีแต่คนด่าผม เหมือนทุกเรื่องที่ผมทำมา ตอนคดีพลตรีสนั่น ปี ๒๕๔๓ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ด่าผมไอ้เด็กเลี้ยงแกะ พี่เปลวไม่ได้ด่าหรอก บรรณาธิการเขาด่าผม ตุลาการรัฐธรรมนูญฟ้องผมหมด แต่พอ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๓  ผมกลับกลายเป็นวีรบุรุษ ซึ่งผมก็เฉย ๆ ผมไม่ได้ยินดียินร้ายเพราะผมจะเตือนตนเองตลอดว่าสรรเสริญ นินทาก็คืออันเดียวกัน ใครสรรเสริญผมก็เฉย ๆ ไม่ไปยินดียินร้าย ใครด่าผม ขู่ฆ่าผม ผมก็เฉย ๆ เพราะผมถือว่าผมไรบ ไม่รับทั้งนั้น เราต้องอยู่เหนือมัน ไม่ใช่ให้มันมามีผลกับเรา ไม่ทุกข์ ไม่ดีใจกับมัน


     อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ญาติผมเอง คุณอาผมนี่รับราชการกรมบังคับคดีตอนนั้นแกยังไม่เกษียณ ตอนที่ผมมีคดีปี ๒๕๔๓ พลตรีสนั่นนี่ แกก็กลัวจะกระทบต่อหน้าที่การงาน แกขอให้ผมไปเปลี่ยนนามสกุลด้วยนะ


คุณอาที่ส่งเสียคุณพ่อนี่นะ ?

     - นี่แหละ แต่ทุกวันนี้คุณอาผมไปอยู่ที่ชุมนุมพันธมิตรแทบทุกวัน ผมไม่ต้องการทำอะไรมากเลย ไม่ต้องการไปทะเลาะกับแก



แล้วยังไงถึงไปเข้ากับคุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) ?

     - คืออย่างนี้ ผมทำเรื่องการตรวจสอบทุจริตมาตั้งแต่ต้น ซีทีเอ็กซ์ แล้วเรื่องฟ้องคุณทักษิณ อย่างเช่นเรื่องที่ดินรัชดาฯ ผมก็ฟ้องตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ แล้วหลายเรื่องส่วนใหญ่ของรัฐบาลผมก็ทำ พอปี ๒๕๔๘ เกิดพันธมิตรขึ้นมา ผมก็เข้าไปโดยปริยายเพราะเป็นคนคุมเรื่องการโกงของระบอบทักษิณทั้งหมด ข้อมูลการโกงทั้งหมดอยู่ที่ผม คราวนี้ถ้าพันธมิตรฯ จะเคลื่อนตัวไปโดยไม่ประสานกับผม เขาจะเอาข้อมูลอะไรออกมาพูดให้สังคมฟังใช่ไหม ผมก็เป็นตัวเหิดเรื่องการโกง เวลาผมขึ้นเวที ผมก็ไม่พูเรื่องอื่นหรอก จะพูดแต่เรื่องทุจริตเป็นหลัก เปิดโปงเรื่องทุจริตว่าใครทำอะไร เอาข้อมูลลึก ๆ มาพูด



ข้อย้อนมาเรื่องคดีที่คุณบอกว่าศาลไม่ได้กล่าวถึงความผิด ๕ ข้อนั้น น.ส.พ.ภาษาอังกฤษบอกว่าถ้าทักษิณผิดคดีนี้จะติดคุกอย่างน้อย ๑๐ ปี มันเป็นไปได้ไหมคะ ?

     - คือกฏหมายนี่ถ้าฟ้องหลายกระทงนะฮะ มาตรา ๑๐๐ พรบ.ปปช.โทษสูงสุดคือ ๓ ปี มาตรา ๑๕๒ มาตรา ๑๕๗ โทษสูงสุดคือจำคุกกว่าสิบปี ดังนั้นเวลาเขาจะลงโทษใคร ศาลเขาจะเอาบทหนักที่สุด บาทหนักที่สุดก็คือ ๑๕๒ กับ ๑๕๗ มาตรา ๑๐๐ ก็ตัดออกไป แต่ต้องมาพิจารณาถ้าผิดทั้งหมดนะ ผิดทุกมาตรานี่ ก็ให้ลงโทษบทหนักที่สุด ก็ไม่น่าจะน้อยกว่า ๑๐ ปี เดี๋ยวเอาไว้เมื่อถึงเวลาผมจะพูดให้สังคมได้ทราบ ซึ่งศาลก็มาฟ้องผมไม่ได้ เพราะผมจะพูดแบบวิชาการ



ทนายคุณทักษิณที่ถูกจับคดีกล่องขนมสองล้านก็เป็นเพื่อนคุณ ?

     - เป็นเพื่อนผม พิชิฏ (จากเดิมคือ พิชิต) ชื่นบาน เขาไปลง สว. แล้วไม่ได้ หมดเงินเป็นสิบกว่าล้าน ผมเตือนเขาผมบอกพิชิฏผมมี่ต้นทุนทางสังคมมากกว่าคุณผมยังไม่ลงเลย คุณพิชิฏบอกว่ามีคนช่วยเขาเยอะ  ตอนหลังคนใกล้ชิดทักษิณ มาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องคดี ก็เลยรับเพราะว่าถ้ารับผิดชอบหลายคดีก็จะได้เป็นร้อยล้าน แต่เขาก็ได้ไปไม่เท่าไหร่หรอก ทักษิณเขี้ยวจะตาย จ่ายเป็นงวด ๆ เขามาบอกว่า คุณวีระ เราเพื่อนกันนะ ผมจำเป็นจะต้องไปช่วยทักษิณ ผมก้วา คุณก็รู้ใช่ไหมคดีนี้ผมทำอยู่ คุณไม่ประสบความสำเร็จหรอก ถ้าคุณไปช่วยคนเลวคนโกงน่ะ เขาก็บอกว่า คุณเข้าใจผมนะผมบอกเข้าใจ ผมไม่โกรธคุณเลย คุณก็ยังเป็นเพื่อนผมเหมือนเดิม แล้วคุณอยากช่วยเขา คุณกับผมก็ต้องสู้กัน หมายถึงเราใช้ความรู้ทางกฏหมายสู้กัน เมื่อก่อนพิชิฏก็ช่วยผมทำเรื่องเอาพวกคนโกงบ้านกินเมืองพวกนี้เข้าคุกเข้าตะราง ตอนนั้นเขาพยายามแก้ตัวให้ทักษิณว่า เฮ้ย! คุณไปว่าเขาผิดได้ยังไง ศาลยังไม่ตัดสินเลย เขาพยายามแก้เพราะไปเป็นทนายให้แล้วนี่ ซึ่งเมื่อก่อนหน้านั้น เขายังด่าทักษิณกับผมอยู่เลย แต่ผลออกมาเห็นไหม ไม่นานเลย เห็นไหมฮะ ที่เขาคิดว่าเจะได้เงินเป็นสิบเป็นร้อยล้านนี่ เขาก็จะได้ใช้สักเท่าไร แต่อนาคตเขาหมด ชื่อเสียงเกียรติยศเขาหมดเลย กลายเป็นทนายที่ติดสินบนศาล ถูกคนด่ากันทั้งประเทศ ออกมาทำอาชีพว่าความไม่ได้แล้ว ได้เป็นแค่ปรึกษาคดี



ในขณะที่คุณทำงานฟรี ?

     - อย่างผมไม่ได้เงินได้ทอง แต่ผมทำให้ประเทศ เพราะผมอยากให้ความเป็นธรรมกลับคืนมาว่าไอ้คนที่เป็นนายกฯ แล้วมันโกงชาติบ้านเมืองเป็นแสนล้านอย่างน้ต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่ลอยนวล แล้วก็ไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยอย่างและผมก็ทำให้คนไทยหลายสิบล้านคนมีความสุขในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ผมก็พอแล้วใช่ไหม ? (หัวเราะ) ผมทำให้คนไทยมีความสุข คุณพิชิฏเขาได้อย่างผมมั้ยล่ะ ?

     แต่มันเกิดจากการต้องมีตัวเริ่มนะ คุกเรียกร้องว่าเมื่อไรนายกฯ ชั่วเมืองไทยมันจะติดคุก แต่ไม่มีใครทำ แล้วมันจะไปติดคุกได้ยังไง ได้แต่เรียกร้อง ผมไม่เรียกร้องกับใคร ผมอยากเห็นสังคมดีผมทำเลย สร้างเลย เราทำได้ เพราะเราคิดแล้วว่าดี พูดเสร็จเราก็ทำ เห็นไหม ทั้งคิดทั้งพูดทั้งทำครบ


ในวันนั้นมีคนบริจาคเงินให้คุณเยอะ แต่คุณยื่นไปให้เอเอสทีวีหมดเลย มีคนผิดหวังและเป็นห่วงคุณมาก เขาอยากให้คุณเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวบ้างในเรื่องการทำคดี

     - คือผมเห็นว่าความสำเร็จครั้งนี้ มันเป็นการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และเอเอสทีวีเป็นช่องทางที่จะทำให้คนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ในความรู้สึกของผมมันไม่ใช่ความสำเร็จของผมคนเดียว มันเป็นของพวกเราทั้งหมด


สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ?

     - สุขภาพกายก็เป็นของมันไปนะ คือผมก็เข้าใจว่าที่ผมป่วยมากเพราะผมทุ่มเทให้กับงาน แม่ผมคนทั้งบ้านจะรู้ว่าผมทุ่มเทให้งานมาก ชีวิตผมมีแต่งาน ทำอะไรทำจริง จะให้ทำเหลาะแหละ ผมไม่เอา ผมเป็นคนอย่างนี้แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เด็กแล้ว ทำอะไรต้องทุ่มเทแล้วต้องทำให้ดีที่สุด งานแต่ละชิ้นที่ออกไปต้องดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจะไม่ทำลวก ๆ นี่คือสิ่งที่ผมประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ทุกอย่างต้องกลั่นกรองออกมาจากมันสมองอย่างดีที่สุด


เห็นคุณทำงาน ไม่รู้ว่าคุณเอาเวลาไหนไปรับประทานข้าว ไปหาหมอฟัน คุณต้องไปปราศรัย ไป....

     - ไปขึ้นศาล ไปหาข้อมูลทุจริตเอง แล้วก็มานั่งค้นคว้าข้อกฏหมาย เขียนคำฟ้องเอง กินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา คือผมไม่ทุกข์กับมันเพราะว่าไม่สบายก็รักษา ผมคิดของผมอย่างนี้ ก็เข้าใจว่าเราใช้มันหนัก ผมรู้ว่าใช้สังขารนี้มาก ร่างกายนี้ก็ต้องถือว่าเป็นร่างกายที่ได้ร่วมกันสร้างประโยชน์ ถ้าร่างกายมันพูดได้ ผมว่าเขาคงไม่เสียใจหรอกที่ผมใช้เขาหนักอย่างงี้ เขาควรจะดีใจกับผม เพราะร่างกายนี้ได้สร้างอะไรมากมาย


เคยรู้สึกท้อไหมคะ ?

     - ไม่ท้อ ผมเป็นคนที่ไม่เคยท้อใจในสิ่งที่ผมทำ


ประเภทที่ว่าเอาความผิดหวังเป็นพลังหรือเปล่า ?

     - ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเข้าใจ ไม่เคยเอาความผิดหวังมาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง แต่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะพยายามรักษาระดับจิตให้อยู่เหนือโลกธรรม อะไรที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ไปยินดียินร้ายกับมัน แต่เข้าใจ แล้วก็ไม่รู้สึกว่าทำไมเราทำขนาดนี้แล้วไม่ได้ ทำไม่ตำรวจไม่ฟ้องซะที ทำไมตำรวจไม่ทำให้เรา ทำไมไอ้นี่ไม่ติดคุกซะที ๆ เราก็ล้มเหลวทุกที มันยกฟ้อง ก็เข้าใจว่าสังคมยังเป็นอย่างนี้ ต้องอดทนตั้งใจทำต่อไปจนสำเร็จ


ที่สำคัญก็ไม่มีแบ็คอัพ ไม่มีสภาทนายความ

     - ไม่มี ๆ ทำเอง ผมก็ขอบคุณ คตส. แล้วก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการดี ๆ ที่แอบส่งข้อมูลให้ผม แล้วก็ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้ ไม่ใช่ว่าผมเก่งหรือผมดีเด่นอะไรหรอก แต่เพราะผมมีครูบาอาจารย์ที่ดี ผมมีท่านพุทธทาส ท่านอาจารย์ชา พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ อาจารย์กัณหา แล้วก็ลุงจำลอง ศรีเมือง คุณโสภณ สุภาพงศ์ ผมเดินตามรอยท่านเหล่านี้ เพราะทุกคนปฏิบัติธรรมมีปฏิปทาในการดำเนินชีวิตที่ดีงาม และทำเพื่อสังคม


เคยคิดจะกลับไปบวชอีกสักครั้งไหมนี่ ?

     - เป็นอนาคต ไม่อยากไปคิด

     ที่จริงมันเป็นไปตามหลักธรรมนะ ต้องมีสัมมาทิฏฐิก่อนใช่ไหม มีสติที่ถูกต้อง มีปัญญาที่เต็มเปี่ยมใช่ไหมครับ มันก็บรรลุสำเร็จใช่ไหม แต่หมายถึงว่าเราต้องเป็นองค์มรรคให้ได้ทั้งหมดนะ มันต้องเป็นไปตามธรรม เดินไปตามแนวนี้ แล้วใครก็ทำอะไรไม่ได้ ผมอยู่มาจนขณะนี้ ที่จริงหลายคนก็ทึ่งว่า ทำไมผมไม่ถูกฆ่าตาย เพราะว่าเรามีธรรมะเป็นเครื่องอยู่และคอยปกป้องคุ้มครอง


     ตรงนี้ไงที่อยากจะให้คนเห็นสัจจะว่าเราไม่ต้องมีอะไรหรอก มีแต่ความตั้งใจที่ดี แล้วก็มีความรู้ความสามารถเท่าที่เรามีและเราก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เราได้สร้างประวัติศาสตร์ คนไทยตัวเล็ก ๆ ทำได้ ไม่ต้องใช้เงินใช้ทองมากมายเลยก็สามารถเอานายกฯ ผู้ทรงอิทธิพลเข้าคุกได้


     ... สำคัญที่สุด ที่ผมต้องทำงานได้ทุกวันนี้นะ เพราะว่าผมปฏิบัติธรรม คนที่ไม่ปฏิบัติธรรมทำไม่ได้อย่างผม แน่นอน บอกได้เลยเป็นอย่างนี้จริง ๆ ...



------------------------- ♦ ------------------------------------------------

เกิดเมื่อวันที่   ๒๘ พ.ย.๒๕๐๐
จบมัธยมศึกษาตอนปลาย  ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย


ผ่านหลักสูตร การพัฒนาคุณภาพชีวิต สำหรับผู้บริหารรุ่น ๘
สถาบันฝึกอบรมผู้นำ มูลนิธิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง


ผ่านหลักสูตร การเมืองการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย
สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ ๙ สถาบันพระปกเกล้า


ได้รับรางวัยผู้เสียสละและกล้าต่อสู้
เพื่อความเป็นธรรมในสังคม
จากกองทุนส่งเสริม คนกล้าทำดีเพื่อสังคม




------------------------- ♦ ------------------------------------------------